เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๗ ก.ย. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจนะ มาแต่ไกลเรามาเอาบุญกุศล.. บุญกุศล ! เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดถึงเห็นไหม กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เราก็คิดว่ากรรมจำแนกสัตว์ให้เกิด กรรมต้องตายตัวไง ถ้ากรรมต้องตายตัวนะ มันจะต้องเป็นไปอย่างนั้นโดยเด็ดขาด

แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พราหมณ์ ๘ คน พยากรณ์ว่า ถ้าอยู่ทางโลกจะได้เป็นจักรพรรดิ แต่ถ้าได้บวชจะได้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ทำไมเป็น ๒ ล่ะ ทำไมเจ้าชายสิทธัตถะพร้อมมาแล้วนะ จะต้องเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอนเลย

แต่ถ้าพูดถึงพยากรณ์ไว้แล้ว ถ้าไม่ได้บวชก็จะเป็นจักรพรรดิ คือจะรวบรวมแว่นแคว้นเป็นประเทศขึ้นมา เพราะเมื่อก่อนมันเป็นแว่นแคว้น ประเทศเล็กๆ สมัยโบราณนะเป็นแว่นแคว้น อำนาจรัฐ อำนาจทหาร ใครจะยึดครองเท่านั้นเอง มันเปลี่ยนแปลงเพราะไม่มีแผนที่ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าอยู่ทางโลกจะได้เป็นจักรพรรดิ แต่ถ้าบวชแล้วจะได้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน ! นี่กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน ก็จำแนกให้เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์ต้นทุนต่ำ ถ้ามนุษย์ต้นทุนต่ำเห็นไหม ดูสิ มนุษย์เหมือนกัน ต้นทุนต่ำ.. ต้นทุนต่ำเขาไม่สนใจเลยนะ

แล้วถ้ามนุษย์ต้นทุนสูงล่ะ ถ้าต้นทุนสูง เรามองไปสังคมสิ เราจะมีความเมตตา มันสลดสังเวชนะ คนคือคน แต่คนก็ไม่เหมือนคน.. คนเหมือนกันนะ แต่ความคิดไม่เหมือนกันหรอก

ดูสิ เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหม มนุสสเปโต มนุษย์เปรต.. มนุษย์เดรัจฉาโน มนุษย์เดรัจฉาน.. นี่มนุษย์เปรต มนุษย์เดรัจฉาน มนุษย์เทวดา มันเป็นที่หัวใจ มันเป็นความสำนึก เป็นความคิด นี่ต้นทุนสูง

ต้นทุนต่ำ มนุสสเปโต มนุษย์เปรต เปรตบางคน ดูสิ ไม่ฟังใคร ดื้อ..แล้วทำลายเขาไปหมดเลย แล้วมันมาจากไหนน่ะ

ต้นทุนมันก็อยู่ที่เราดัดแปลง ต้นทุนที่การประพฤติปฏิบัติ เราทำบุญกุศลกันอยู่นี่ เรามาเพิ่มต้นทุนของเรา ถ้าเพิ่มต้นทุนเห็นไหม ดูสิเราเสียสละไปเรามีความสุขไหม เราตั้งใจไหม นี่เพราะเรามีศรัทธาความเชื่อนะ

เราขับรถกันมากี่ร้อยกิโล เพื่อจะมาทำบุญของเรา หัวใจนี่มันเจตนาไหม หัวใจที่เจตนามันตั้งใจไหม ความตั้งใจมันมาจากไหน มันมาจากใจทั้งนั้นล่ะ นี่ต้นทุนสูง ต้นทุนต่ำ มันอยู่ตรงนี้

แต่ถ้าคนเขาไม่สนใจนะ อยู่ติดขอบรั้ววัดเขาก็ไม่สนใจ.. ไม่สนใจหรอก ! ไม่สนใจแล้วคิดด้วย.. คิดอคติ ความคิดอคติเห็นไหม นี่ต้นทุนต่ำ ! นี่เป็นเรื่องของต้นทุนสูง ต้นทุนในความรู้สึกนะ ในอำนาจ ในวาสนาบารมี

ในการประพฤติปฏิบัติ ทำไมบางคนเดินจงกรม ๕ นาที ๑๐ นาที ทำความสงบของใจได้ เราเดินทั้งวันยังทำไม่ได้ เห็นไหมนี่คือต้นทุนอีก ต้นทุนอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของเรานะ

เพราะ ! เพราะหัวใจมันเป็นมาตรฐาน นี่ความรู้สึกของจิตมันเป็นมาตรฐาน เพราะทุกคนมีสิทธิเหมือนกัน เพราะหัวใจตัวความรู้สึกอันนี้ ตัวความรู้สึกนี่เป็นตัวสัมผัส สุข ทุกข์ ดี ชั่ว ตัวสัมผัสนะ..

ตำราสัมผัสไม่ได้ ตำรามันเป็นอักษร มันเป็นกระดาษ มันเปื้อนตัวอักษรเท่านั้น แล้วเราไปอ่านมัน ตำรามันไม่รู้สึกหรอก ในตำรามันเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต มันจะรู้อะไรกับเรา เราไปอ่านเข้ามาใช่ไหม แล้วมันถึงสะเทือนใจเราใช่ไหม เราไปอ่านสิ แล้วเราคิดสิ แต่ถ้าต้นทุนมันต่ำนะ มันไปอ่านแล้วมันไม่เชื่อ

มันเป็นไปได้อย่างไร มนุษย์คนหนึ่งสามารถทำได้อย่างนี้ มนุษย์คนหนึ่งจะเป็นอย่างนั้น.. อย่างนั้น.. เป็นไปไม่ได้ ! มนุษย์เป็นไปไม่ได้ ! แต่เขาไม่เคยทำของเขา ถ้าเคยทำของเขานะ แค่จิตเราสงบ เราก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดมหัศจรรย์แล้ว แล้วถ้ามันมีกำลังของมันนะ ถ้าต้นทุนสูง มันจะไปของมันได้

ดูสิ เวลาจิตคึกคะนอง ครูบาอาจารย์ของเรามีนะ พอจิตสงบปั๊บ ! ความรู้สึกเห็นจิตเรา เห็นตัวเรา ไปนั่งอยู่บนอากาศ ไปนั่งอยู่บนก้อนเมฆ ไปเดินจงกรมอยู่บนก้อนเมฆ เวลาดึงกลับมาทะลุลงไปบาดาลเลยนะ จิตมันมหัศจรรย์ได้ขนาดนั้น

บางคนจิตสงบเฉยๆ มันสงบเข้ามาในตัวของมันเอง มีแต่ความสุข มีความสงบ ว่าเฉยๆ บางคนทำแล้วทำเล่า ถูลู่ถูกัง ลุ่มๆ ดอนๆ เห็นไหม มาจากไหน มาจากนี่ มาจากเราเสียสละนี่ หนึ่งการเสียสละเห็นไหม

ทำบุญร้อยหนพันหน ไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง... ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหน ไม่เท่ากับจิตสงบหนหนึ่ง...จิตสงบที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ร้อยหนพันหนไม่เท่าเกิดปัญญา.. โลกุตตรปัญญา ที่ทำหัวใจให้สิ้นไปจากกิเลส

นี่การสิ้นไปจากกิเลสมันเป็นงานที่มันละเอียด ที่มันลึกซึ้ง ที่เรามองกันไม่ออก มองกันไม่ได้ไง ความคิด..ความคิด หรือว่า ปัญญา.. ปัญญา ใช้ความคิดนี่ ความคิดมันคิดมาจากกิเลสนะ มันคิดมาจากตัวตน มันคิดมาจากเรา

แล้วเราคือใคร เราก็คือวุฒิภาวะที่สูงต่ำนี่ไง ถ้าเราสูงก็คิดแต่สิ่งที่ดีๆ ถ้าเราต่ำ เราต่ำนะ.. แล้วบางทีเราก็สูง..เราก็ต่ำ มันจะไม่สูงตลอดไป และไม่ต่ำตลอดไป มันเกิดๆ ดับๆ มันขึ้นๆ ลงๆ ในหัวใจ เราถึงจะต้องมีครูบาอาจารย์ไง

การฟังธรรมเห็นไหม การฟังทุกวันๆ ถ้าคนฟัง ๑๐-๒๐ ปี ก็ฟังทุกวัน แต่รู้ไหมล่ะ ฟังทุกวันมันตอกย้ำ การฟังธรรมผลของการกระทำคือความรู้แจ้ง ! ฟังธรรมแล้วมันโล่ง มันปลอดโปร่ง การฟังธรรมผลอยู่ที่นั่น

แต่นี่มันสูงๆ ต่ำๆ ไง เดี๋ยวก็เข้าใจ เดี๋ยวก็ไม่เข้าใจ มันตอกย้ำ.. ตอกย้ำ สิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง สิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้วก็ฟังซ้ำ ! ซ้ำ ! ซ้ำ ! ย้ำหัวตะปู เพราะมันไม่เชื่อ ! มันสงสัย มันไม่ยอมรับ

แต่ถ้ามันเป็นการภาวนานะ มันเป็นปัจจัตตัง เพราะอะไร เพราะมันเกิดกับเรานะ จิตเราเป็นนะ ! ใครจะพูดอย่างไรมันเรื่องของเขา เรื่องของเราคือจิตมันเป็น ! เรารู้เอง เราสัมผัสเอง อาหารที่เข้าไปในลิ้นเรานี่ รสชาติเป็นอย่างไรไม่ต้องมีใครบอกหรอก ไปอ่าน ตำราอาหารนะ นั่นก็ดี.. นี่ก็ดี แต่ไม่เคยได้ลิ้มรสเลย

แต่ถ้าใจได้สัมผัสเห็นไหม.. ใจมันผ่องแผ้ว ถ้าใจมันผ่องแผ้ว การประพฤติปฏิบัติ สิ่งที่เป็นศรัทธา.. อจลศรัทธา

ถ้ามันเป็นอจลศรัทธาเห็นไหม อจลศรัทธามันไม่เสื่อมคลอน มันไม่เสื่อมคลาย ถ้าเริ่มจากการถือศีล เริ่มจากความตั้งใจ อันนี้อันหนึ่ง แต่ถ้าจิตมันวิปัสสนาไป มันถึงที่สุด แล้วมันไปละสังโยชน์ ๓ ตัว นั่นล่ะอจลศรัทธาแน่นอน ! ไม่ถือออกนอก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ... พระธรรมเห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรม..

ธรรมคืออะไร ธรรมคือสัจธรรม สัจธรรมที่เราเห็นกันทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์พิสูจน์เรื่องการเกิดการตายไม่ได้ วิทยาศาสตร์พิสูจน์เรื่องนรกสวรรค์ไม่ได้ แต่หัวใจพิสูจน์ได้ !

หลับตาลง ..หลับตาลง.. แล้วกำหนดพุทโธ ให้จิตสงบแล้วจะเห็น แล้วจะพิสูจน์ได้ ลืมตา !ไปจรวด ไปอวกาศ ไม่เจอ.. ไม่เจอหรอก อันนี้มันเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นโลก !

แต่ถ้าเป็นสัจธรรมนะ.. ความลับไม่มีในโลก มันมาจากไหน ความลับไม่มีในโลก คือเราเป็นคนทำใช่ไหม ความลับไม่มีในโลกหรอก โยมทำอะไร เราทำอะไร เรารู้ ! สิ่งที่เรารู้อยู่ ใครจะโกหกเราได้ สิ่งที่เราสัมผัสเห็นไหม สรรพสิ่งมีเพราะมีหัวใจ สรรพสิ่งมีเพราะมีเรา แล้วเราเข้าไปจุดที่นี่เห็นไหม

วัฏฏะ.. การเกิดนรก สวรรค์ การเกิดภพชาติต่างๆ ใจมันไปเกิด ดูป้ายรถเมล์สิ รถมันจอดตามป้ายใช่ไหม ภพชาติเหมือนป้ายรถเมล์ จิตนี้เหมือนรถเมล์ มันไปจอดที่ป้ายนั้น.. ป้ายนั้น.. ป้ายนั้น.. แล้วรถเมล์มันก็วิ่งไปใช่ไหม แล้วเราไปดูที่ป้าย เราเจอรถไหม

ถ้าเราเห็นรถของเรา รถเราจอดมาทุกป้าย รถเราเกิดมาในทุกภพทุกชาติ แล้วมันพิสูจน์กันที่นี่เห็นไหม สวรรค์ในอก นรกในใจ อยู่ที่นี่อันหนึ่ง แล้วป้ายรถเมล์ก็มีจริงๆ ถ้ารถเมล์ไม่มีป้ายจอด มันจะไปจอดที่ไหน

จิตนี้เวลามันตายไป มันจะเคว้งคว้างอยู่ที่ไหน มันต้องไปจอดป้ายมัน แต่ละป้าย.. แต่ละป้าย แล้วป้ายถ้ามันไปเจอนรกอเวจีล่ะ สิ่งนี้มันเวียนตายเวียนเกิด

นี่ค้นคว้ากันที่นี่ไง ถ้าหลับตาแล้วเข้ามาอยู่กลางหัวใจ เข้ามาถึงแกนของความรู้สึก แกนของโลก โลกที่มันอยู่ได้ แกนของโลก แกนแม่เหล็กของโลกที่มันหมุน โลกจะหมุนไปขนาดไหน แกนของภพชาติ ! แกนของหัวใจ ! ภวาสวะ ภพชาติมันอยู่ที่นี่ ! แล้วมันทำลายที่นี่

ถ้าใจสูง ฟังธรรมอย่างนี้จะเข้าใจ ถ้าใจต่ำ ไม่รู้เรื่อง.. ไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ทำแล้วต้องได้บุญกุศล ต้องได้ผลตอบแทน

ความคิดของโลก เห็นไหม มันคิดไปนี่ ธรรมะมันถึงมีหยาบ มีละเอียด ละเอียดสุด ละเอียดเข้าไปถึงหัวใจ แล้วเราต้องการสิ่งใด เราพัฒนาใจของเรา ให้ใจเรามันสูงขึ้นมา

ถ้าใจเราสูง.. สูง-ต่ำ มันสูงที่ไหน ถ้าสูงต่ำมันเป็นมาตรวัด แต่ถ้าคุณงามความดี สูงต่ำมันเป็นความรู้สึก มันเป็นคุณธรรมในหัวใจ สิ่งนี้เราแสวงหานะ แล้วถึงที่สุดนะ มันจะทำให้เรามีความสุขได้ ความสุขที่มันเกิดจากใจ

ความสุขที่มันเกิดจากอามิส ความสุขที่โลกแสวงหากัน เกิดจากอามิส อามิสสินจ้างรางวัลต่างๆ ได้รับสิ่งนั้นมาแล้วจะมีความสุข แต่ถ้าความสุขจากธรรมเห็นไหม นั่งอยู่เฉยๆ นั่งอยู่โคนไม้นะ..

กษัตริย์สมัยพุทธกาล เวลาบวชแล้ว “สุขหนอ..สุขหนอ..” จนพระด้วยกันเขาว่า คงคิดถึงพระราชบัลลังก์ ออกมาอยู่โคนไม้แล้วทุกข์ ก็เลยไปฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เรียกเข้าไปพบ

“เธอพูดอย่างนั้นจริงหรือ”

“จริงครับ”

“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ”

“สมัยเป็นกษัตริย์ อยู่ที่ไหนก็ระแวงไปหมด เพราะอำนาจ ใครๆ ก็จะแย่งชิง ทุกข์มาก ! ต้องบริหารจัดการ เดี๋ยวนี้อยู่โคนไม้นะ ไม่มีใครมาแย่ง มาตอแยเลย ไม่มีใครมาสนใจเลย สุขมาก.. สุขมาก..”

ถ้าเอาใจเราได้นะ ถ้าเอาใจไม่ได้เราทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะมันน้อยเนื้อต่ำใจ เห็นว่าเขามีความสุขกัน เรามองอยู่โคนต้นไม้ เราทุกข์เรายาก แต่ถ้าใจมันสุขแล้วนะ คนมีเท่านี้แหละ คนเราอาศัยปัจจัยเครื่องอาศัย ชีวิตเรามีเท่านี้แหละ แต่ก็แสวงหาด้วยตัณหาความทะยานอยาก

แต่ถ้าคนมีบุญกุศล เขาได้มาโดยธรรมนะ อันนั้นมันปฏิเสธไม่ได้ ถ้าได้มาโดยธรรม คือเราไม่ดิ้นรน มันเป็นไปโดยธรรมชาติ โดยความวิริยะอุตสาหะของเรา ตามความเป็นจริง นั่นโลกเขาหาความสุขกันอย่างนั้น

แต่ถ้าธรรมนะ อยู่โคนไม้ก็สุข แม้อยู่ในพระราชบัลลังก์ยังทุกข์เลย แล้วมาอยู่โคนไม้ทำไมมันสุขได้ล่ะ สุขเพราะมันเอาหัวใจไว้ในอำนาจของเรา ! เอาความคิดความเห็นอยู่ในอำนาจของเรา มันไม่ดิ้นรน มันไม่ทำลายใจ มันอยู่ในอำนาจ เรามีอำนาจเหนือมัน

ความคิดอย่างนี้ ปัญญาอย่างนี้ ความกระบัดอย่างนี้ ถ้าจิตมันสูง คิดได้อย่างนี้นะ เราจะมีความสุข มันจะแดดออก ฝนตก เดือดร้อน มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นฤดูกาล หัวใจเรามันก็มีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่เราหาหลบหาหลีกอยู่กับมัน อยู่กับธรรมชาติโดยไม่ติดธรรมชาติ อยู่กับธรรมโดยไม่ติดธรรม อยู่กับโลกโดยไม่ติดโลก แล้วเราจะเป็นผู้ประเสริฐจริง เอวัง